วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
นรกทัวร์
Dante Alighieri เกิดเมื่อปี พ.ศ. 1808 ที่เมือง Florence เขาเป็นกวีที่มีชื่อเสียงที่สุดของอิตาลี กวีนิพนธ์ของเขาเรื่อง Divine Comedy ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอมตะวรรณกรรมชิ้นเอกของโลก บทประพันธ์นี้ได้กล่าวถึงการไปเยือนนรกของ Dante และกวีชาวโรมันอีกท่านหนึ่งชื่อ Virgil โดยใช้คำ บรรยายความรู้สึกนึกคดิ ทลี่ กึ และซงึ้ คาํ ประพนัธข์อง Dante อุดมและหลากหลายด้วยอรรถรสแห่งภาษา ผอู้ ่านหนังสือเล่มนี้ได้ความรู้ และความเพลิดเพลินทั้งในด้านประวัติศาสตร์ ปรัชญา วรรณคดี วิทยาศาสตร์ ศีลธรรม และศาสนาวงการ วรรณกรรมทั่วโลกยอมรับว่า ก่อนที่ Dante จะเขียน Divine Comedy ภาษาอิตาเลียนยังไม่มีในโลกแตห่ ลงัจากทหี่ นงัสอื เลม่ นปี้ รากฏภาษาอติ าเลยี นกไ็ดอ้ บุ ตั ขินึ้ ในทวปี ยโุรปคนโรมันโบราณนั้นเชื่อว่าปล่องภูเขาไฟนั้นเป็นนรกทวาร ใครก็ตามที่ต้องการจะเข้าเฝ้าเทพเจ้า Vulcanผเู้ป็นเทพเจ้าแห่งไฟนรก เขาจะตอ้งเดนิทางลงทางปลอ่ งภเูขาไฟในเดือนมกราคม พ.ศ. 2539 ยานยนต์ชื่อ Dante ซึ่งออกแบบ โดย W. Whittaker แห่งมหาวิทยาลัย CarnegieMellon และองค์การการบิน และอวกาศแห่งสหรัฐฯ (NASA) ก็จะเดินทางไปเยือนนรกเช่นกันยาน Dante ที่มีขา 8 ขา คล้ายตัวแมงมุมจะตะเกียกตะกายลงไปในปลอ่ งภเูขาไฟชอื่ Erebus ที่สูง 3,800 เมตรเหนือระดับนำ้ทะเล ภเูขาไฟลกู นเี้ ปน็ ภเูขาไฟลกู เดยี วของทวปี แอนตารก์ ตกิ าทยี่ งัมชีวีติ อย ู่ ยานDante จะเก็บข้อมูลวิทยาศาสตร์ หิน และแก๊สตัวอย่างต่างๆ ที่พบในปล่องภูเขาไฟ กลับมาให้นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์และศึกษาประสบการณ์และความรู้ที่นักวิจัยและวิศวกรได้ในการนำ ยานDante ไปเยือนนรก แล้วกลับมาได้โดยปลอดภัยนี้ จะเป็นประโยชน์แก่นักวิทยาศาสตร์ในการออกแบบสร้างหุ่นยนต์และยานยนต์สำ รวจดาวเคราะห์ต่างๆ ในสุริยจักรวาล เพราะสภาพแวดล้อมของบริเวณภายในปล่องภูเขาไฟจะคล้ายกับสภาพบนดินแดนต่างดาวมากขณะนี้ยาน Dante ได้เดินทางมาถึงเชิงภูเขาไฟ Erebus เรียบร้อยแล้ว จากที่นี่มันจะถูกนำ ไปประดิษฐานบนยานแม่ชื่อ Geryon ซึ่งเป็นชื่อของสัตว์ที่นำ กวี Dante และ Virgil ไปเยือนนรกนรกทวัร์์ภาพจาก : http://img.arc.nasa.gov/Dante/dante.htmlเมื่อยานแม่ Geryon ขึ้นถึงปากปล่องยานลูก Dante ถึงจะถูกบังคับให้เคลื่อนลงจากยานแม่ ยานทั้งสองจะมสี ายเคเบิลติดต่อสื่อข้อมูลกันตลอดเวลายาน Dante จะเคลอื่นตวัชา้ๆ ไปในปลอ่งเปน็ระยะทางลึก260 เมตร การเดินทางจะใช้เวลานานประมาณ 30 ชั่วโมงอนั ภเู ขาไฟ Erebus นั้น ตามธรรมดาจะมีควันพิษ ไอนำ้ แกส๊ ซลั เฟอรไ์ดออกไซด์ แกส๊คารบ์ อนไดออกไซด์ และฝนุ่ ตา่งๆ ปกคลุมตลอดเวลา และในบางครงั้บางคราวกจ็ะระเบดิเบาๆ พ่นลาวาเหลวออกมาบ้างเหมือนกันวิศวกรได้ติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนยาน Dante บนยานยังมีกล้องจับภาพวีดีโอ 6 กล้องที่สามารถถ่ายภาพได้รอบตัว 360 องศา ทำ ให้ภาพที่เห็นมีลักษณะเป็น 3 มิติ ภาพสดๆ จะถูกส่งผ่านยานแม่ลงสู่หอบงัคบั การทฐี่ านภเูขาไฟ และจะถูกลาํเลียงส่งผ่านดาวเทียมไปยังศูนย์วิจัยที่ Maryland นกั วจิ ยั ทศี่ นู ยค์ วบคมุไมม่ สี ทิ ธใินการบงัคบั การเคลอื่นไหวของยาน Dante ใดๆ จะมีก็แต่สิทธิน้อยๆ ในการควบคมุการทาํงานของอุปกรณ์วิทยาศาสตร์บนยานเท่านั้น เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์บนยานจะทำ หน้าที่วางแผนและตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินในนรกของยานเองสัญญาณสื่อสารจากยานถึงศูนย์ควบคุมจะใช้เวลาเดินทางเพียง 2 วินาที แต่หากการทดลองนี้ดำ เนินอยู่บนดาวศุกร์สัญญาณจะใช้เวลาเดินทางนานเป็นนาทีเมื่อยานทำ งานลุล่วงความต้องการเรียบร้อยหมดจดแล้ว หากมันไม่พัง หรือถูกไฟนรกเผาจนไหม้เกรียมเสียก่อน มันก็จะกระเสือกกระสนกลับขึ้นบนยานแม่เดินทางย้อนสู่โลกมนุษย์ อีกครั้งหนึ่ง
ทวีปสัญจร
ทวีปสัญจรเวลาเราดแูผนทโี่ลกเราจะเหน็ วา่ หากไม่มีมหาสมุทรแอตแลนติกคนั่ กลางแนวฝั่งทะเลของทวีปแอฟริกาและทวีปอเมริกาใต้นั้น ดูเหมือนจะสานต่อเข้ากันได้อย่างสนิทแนบแน่นเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นคำ ตอบนี้มีอยู่ว่าในอดีตเมื่อ 230 ล้านปีก่อนนี้ บรรดาทวีปต่างๆของโลกได้เคยอยู่ติดกันเป็นมหาทวีปนี้ (supercontinent) แต่ในเวลาต่อมามหาทวีปได้แตกแยกกันชิ้นส่วนต่างๆ ของทวีปได้เคลื่อนตัวช้าๆ จนกระทั่งมาถึงตำ แหน่งที่เราเห็นในปัจจุบันทฤษฎีทวีปสัญจรที่กล่าวมานี้เป็นความคิดของ D. Wegener นักธรณีวิทยาชาวเยอรมัน เขาเป็นบุคคลแรกของโลกที่ได้พบการเคลื่อนที่ของทวีปในปี พ.ศ. 2455 เขาได้เสนอความคิดว่าทวีปต่างๆ ทุกทวีปบนโลกมกี ารเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา โดยแผ่นทวีปจะเคลื่อนที่เหนือชั้นที่เปน็ หนิ เหลวอยา่งชา้ๆ เวลาแผ่นทวีปปะทะกัน แรงดนั กนั จะทาํใหเ้กดิ แนวภเูขาสงู เช่น เมื่อแผ่นทวีปที่เป็นประเทศอินเดียเคลื่อนเข้าชนแผ่นทวีปเอเชียทำ ให้เกิดภูเขาหิมาลัย เป็นต้นทฤษฎนี ยี้ งั ไดท้ าํ นายตอ่ไปอกีวา่ ในอกี 25 ล้านปี แผน่ ทวปี แอฟรกิ าจะเคลอื่นทขี่นึ้ ทางเหนอืเขา้ปะทะกบัประเทศสเปน ทำ ให้ทะเลเมดเิตอรเ์ รเนียน กลายสภาพเป็นทะเลปิด และเมื่อถึงเวลานั้นแคลฟิ อร์เนียก็จะเคลื่อนทเี่ขา้ ใกลจ้นี จนกระทั่งประสานกันเป็นดินแดนเดียวกันในที่สุดWegener ได้รับความคิดเรื่องการเคลื่อนที่ของทวีปมาจากการศึกษาซากสัตว์ดึกดำ บรรพ์ชนิดหนึ่งชื่อMesosaurus คือเขาได้พบว่าซากสัตว์ชนิดนี้มีปรากฏเฉพาะในทวีปแอฟริกาและอเมริกาใต้เท่านั้น แต่หาได้พบในบริเวณอื่นใดของโลกไม่ เขาจึงตั้งสมมติฐานว่าเพราะ Mesosaurus สามารถว่ายนํ้าได้ ดังนั้นมันก็ควรจะว่ายนํ้าจากอเมริกาใต้ไปยุโรป และอเมริกาเหนือ หรือที่ใดๆ ในโลกได้ พูดง่ายๆ คือมันควรจะแพร่พันธุ์ไปได้ทั่วโลกแตเ่ มอื่ ไมม่ กีารพบโครงกระดกูของสตั วช์นดิ นใี้นทใี่ด นอกจากในทวีปทั้งสองเลย กแ็สดงวา่ในอดตีทวปี แอฟรกิาและอเมริกาใต้เคยเป็นดินแดนที่ติดกันเมื่อต้นเดือนเมษายน พ.ศ. 2538ในการประชุมประจำ ปีของ สมาคมธรณีวิทยาแห่งสหรัฐฯ I. Daziel และE. Moores ประกาศว่า เขามีเหตุผลที่แสดงให้เห็นได้ชัดว่าในอดีตเมื่อ 570 ล้านปีมาแล้ว ทวีปแอนตาร์กติกาเคยอย่ตู ิดกับทวีปอเมริกาเหนือ เวลาทวปี แอนตารก์ตกิาเคลอื่นตวัลงมาทางใต้ มหาสมุทรแปซิฟิกจึงได้ถือกาํเนิดและในขณะที่แอนตาร์กติกาเคลื่อนที่ลงมานั้น ทวีปอเมริกาบางส่วนถูกนํ้าท่วม ทำ ให้สัตว์นํ้าต่างๆ เริ่มมีวิวัฒนาการปรับตัวให้สามารถขึ้นมาอยู่บนบกเป็นสัตว์บกชนิดแรกๆ ของโลกหากทฤษฎีของ Daziel และ Moores เป็นจริงเราอาจจะพบว่าประดาแร่ต่างๆ เช่น เงิน ทองแดง สังกะสีที่มีในทวีปแอนตาร์กติกาก็ควรมีปรากฏในแคนาดาภาคตะวันตกเช่นกัน และหินชนิดต่างๆ ที่มีแถวเทกซัส แคลิฟอร์เนีย ก็ต้องเป็นหินประเภทเดียวกันกับหินในแถบแอนตาร์กติกาการตรวจสอบทฤษฎีของ Daziel และ Moores นั้นต้องใช้เวลาอีก 6 เดือน เราต้องใจเย็นๆ ครับ คอยมา570 ล้านปีคอยได้ คอยอีก 6 เดือนไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป
วิทยาศาสตร์น่ารู้
ปรากฎการณ์แผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติชนิดหนึ่งที่พื้นดินมีการสั่นไหวด้วยอิทธิพลบางอย่างที่อยู่ใต้ผิวโลก ซึ่งเมื่อเกิด เหตุการณ์นี้คลื่นใต้แผ่นดินจะพุ่งไปสู่บริเวณทุกส่วนของโลก และถ้าการสั่นไหวของแผ่นดินรุนแรง อุปกรณ์ตรวจจับคลื่นที่อยู่ห่างไกล ออกไปนับหมื่นกิโลเมตรก็ยังสามารถรับคลื่นแผ่นดินไหวได้ผู้คนในสมัยโบราณมีความกลัวเหตุการณ์แผ่นดินไหวมาก กวี Homer ของกรีกเชื่อว่าแผ่นดินไหวเกิดจากการที่เทพเจ้า Poseidon แห่งท้องทะเลลึกทรงพิโรธ คนจีนโบราณคิดว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อพญามังกรที่อาศัยอยู่ใต้พื้นดินขยับและเคลื่อนไหวลำตัว พร้อมกันนั้นก็ได้ส่งเสียงคำรามด้วย ส่วนคนญี่ปุ่นนั้นเชื่อว่า เวลาเทพเจ้าแห่งปลาชื่อ Namazu สะบัดหางไปมาจะทำให้เกิดเหตุการณ์ แผ่นดินไหว แต่ Thales ผู้เป็นปราชญ์กรีกในสมัยพุทธกาลได้กล่าวโจมตีความเชื่อที่ว่า อะไรก็ตามที่เกิดจะต้องมีเทพเจ้าสิงสถิตอยู่ภายใน โดยเขาคิดว่า การไหลของคลื่นในมหาสมุทรอย่างรุนแรงต่างหากที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวมนุษย์เริ่มเข้าใจปรากฏการณ์ใต้ดินนี้ "ดี" ขึ้นเมื่อประมาณ 20 ปีมานี้เอง โดยได้พบว่าเวลาเกิดแผ่นดินไหว คลื่นแผ่นดินไหวทุกคลื่น จะดูเสมือนเคลื่อนที่ออกมาจากตำแหน่งหนึ่งใต้ดิน ซึ่งนักธรณีวิทยาเรียกตำแหน่งดังกล่าวนี้ว่า จุดโฟกัส และตำแหน่งบนผิวโลกที่อยู่เหนือ จุดโฟกัส มีชื่อเรียกทางวิชาการว่า epicenter และตามปกตินั้นจุดโฟกัสของคลื่นแผ่นดินไหวมักจะอยู่ลึกใต้โลกลงประมาณ 15 กิโลเมตร แต่ในบางกรณี ระยะลึกของจุดโฟกัสอาจจะมากถึง 400 กิโลเมตรก็มี นักธรณีวิทยาประมาณว่าทุกวันจะมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้น บนโลกนับ 1,000 ครั้ง แต่คนส่วนมากจะไม่รู้สึก เพราะมันสั่นและแผ่วเบาจนเกินไป เมื่อเหตุผลเป็นเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่า 50% ของคลื่นแผ่นดินไหวอาจจะมีคนตรวจรับได้ แต่อีก 50% ที่เหลือที่เกิดในบริเวณที่ไม่มีคนอาศัย ก็จะไม่มีใครรู้สึกอะไรเลยอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ในการที่จะตอบคำถามนี้ได้เราจำเป็นต้องรู้โครงสร้างของโลกก่อนว่า โลกเรานั้นมี โครงสร้างเป็นขั้นๆ คล้ายหัวหอม คือมีเปลือกนอกสุดห่อหุ้ม ซึ่งเปลือกนี้มีความหนาที่ไม่สม่ำเสมอเช่น กรณีเปลือกโลกที่เป็นทวีปจะหนา ประมาณ 70 กิโลเมตร และเปลือกโลกส่วนที่อยู่ท้องมหาสมุทร จะหนาประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งคิดเป็น 0.6% ของรัศมีโลกเท่านั้นเอง ลึกลงไปจากเปลือกโลกก็ถึงชั้นของโลกอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า mantle ตามปกติคลื่นแผ่นดินไหวในเปลือกโลกจะมีความเร็วประมาณ 7.2 กิโลเมตร/วินาที แต่ความเร็วของคลื่นในชั้น mantle จะสูงกว่าคือ 8.2 กิโลเมตร/วินาที นอกจากนี้คลื่นแผ่นดินไหวยังแบ่งออกเป็น สองชนิดได้แก่ คลื่น P และ คลื่น S (P = primary ปฐมภูมิ ส่วน S= secondary ทุติยภูมิ) ซึ่งเวลาคลื่นทั้งสองชนิดเคลื่อนที่ผ่านไป ในชั้นหินใต้ผิวโลก อนุภาคต่างๆ ในชั้นหินที่ถูกคลื่น P กระทบจะสั่นไปมาในแนวที่คลื่นพุ่งไป ดังนั้น ชั้นหินจึงตกอยู่ในสภาพถูกอัดและ ขยายตัว ส่วนในกรณีของคลื่น S นั้น อนุภาคต่างๆ ในชั้นหินจะเคลื่อนที่ในแนวขึ้นลงที่ตั้งฉากกับทิศการพุ่งไปของคลื่น คลื่น P นั้น ตามปรกติจะมีความเร็วมากกว่าคลื่น S ดังนั้นการวัดเวลาที่คลื่นทั้ง P และ S เดินทางถึงเครื่องรับสัญญาณ ซึ่งอยู่ที่ตำแหน่งต่างๆ บนผิวโลก จะทำให้นักธรณีวิทยารู้ทันทีว่า จุดโฟกัสของการระเบิดอยู่ที่ใดปัจจุบันนักธรณีวิทยาเชื่อว่าปรากฎการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้นด้วยเหตุผลสองประการคือ เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ และเกิดจากการ ปะทะกันหรือการแตกแยกจากกันของเปลือกโลก ความเข้าใจกลไกการเคลื่อนไหวของเปลือกโลกได้ทำให้นักธรณีวิทยาสามารถทำนายเวลา ที่แผ่นดินจะไหวได้ดีขึ้นมาก โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นที่ต้องมีหน่วยเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า ที่ต้องการงบดำเนินการมากถึง 4,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่น้อยนิด เมื่อเปรียบเทียบกับความเสียหายที่จะเกิดตามมาเพราะประวัติการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในระยะเวลา 25 ปี ที่ผ่านมานี้ แสดงให้เห็นว่า ในกรณีแผ่นดินไหวที่เมือง Kobe ในประเทศ ญี่ปุ่น เมื่อยามเช้าตรู่ของวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2538 ได้ทำลายบ้านเมือง 200,000 หลัง มีคนเสียชีวิต 6,000 คน และบาดเจ็บ 34,000 คน หรือที่เมือง Spitak ในประเทศ Armenia เมื่อวันที 7 ธันวาคม พ.ศ. 2531 ได้เกิดแผ่นดินไหวในยามเช้า ทำให้ผู้คนไม่ทันตั้งตัว จึงล้มตายถึง 25,000 คน และที่ประเทศเม็กซิโก ณ สถานที่ที่อยู่ห่างจาก Mexico City 400 กิโลเมตร ในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2528 ก็มีแผ่นดินไหว กรณีนี้มีคนตาย 7,500 คน และค่าเสียหาย 20,000 ล้านบาท และรายที่รุนแรงที่สุด ได้แก่ เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ Tangshan ในประเทศจีน ในตอนดึกของวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 ทำให้มีคนเสียชีวิตกว่า 250,000 คน และบาดเจ็บร่วม 800,000 คน ความเสียหายครั้งนั้นได้ทำให้จีนต้องใช้เวลานานกว่า 10 ปี จึงสร้าง Tangshan ให้มีชีวิตขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่งเมื่อการบอกความเสียหายในเทอมของชีวิตที่สูญเสียเช่นนี้ มิสามารถบอกความรุนแรงของเหตุการณ์ได้โดยตรง ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2178 C.F. Richter จึงได้เสนอมาตรการระบุความรุนแรงของภัยแผ่นดินไหวที่ผู้คนทั่วไปรู้จักกันจนทุกวันนี้ โดย Richter ได้แบ่งสเกล ความรุนแรงออกหลายระดับเช่นระดับ 2 แสดงว่า ดังและเป็นภัยได้มากเท่าๆ กับเหตุการณ์ฟ้าผ่า ระดับ 4 แสดงว่า มีความเสียหายเล็กน้อย เกิดขึ้น ระดับ 6 คือรุนแรงเทียบเท่าการระเบิดของลูกระเบิดปรมาณูที่สหรัฐฯ ทิ้งลง Hiroshima และระดับ 8.5 คือระดับโลกแตก ดังนั้น กรณีเมือง Tangshan ที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ระดับ 7.8 ในมาตร Richter จึงแสดงว่า เมืองได้รับภัยเสียหายราวกับถูกระเบิด ไฮโดรเจนถล่มทีเดียวณ วันนี้ นักธรณีวิทยายังไม่ประสบความสำเร็จในการทำนายว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวจะอุบัติเมื่อไร และ ณ ที่ใด ถึงระดับดีมากเลย ดังนั้นในบางโอกาสเขาก็จะพบว่ามันได้เกิดในบางสถานที่ที่ไม่มีใครคิดถึงและเมื่อสภาพแวดล้อมของสถานที่แต่ละแห่งบนโลกไม่เหมือนกัน ดังนั้น ความเสียหายหรือความหายนะต่างๆ จึงไม่เหมือนกันถึงแม้เราจะขาดความสามารถระดับสูงในการพยากรณ์ภัยแผ่นดินไหวก็ตาม แต่นักธรณีวิทยาก็พอมีความรู้ว่า ก่อนที่จะมีเหตุการณ์ แผ่นดินไหวอย่างรุนแรงนั้น แผ่นดินไหวอย่างนุ่มนวลก่อน และโดยอาศัยการติดตั้งอุปกรณ์ดักฟังคลื่นแผ่นดินไหว ณ ตำแหน่งต่างๆ สัญญาณที่อุปกรณ์เหล่านี้ได้รับจะถูกนำมาสังเคราะห์เพื่อให้รู้ตำแหน่งเวลาและความเป็นไปได้ที่จะมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวสำหรับหนทางป้องกันที่ชัวร์ที่สุดคือ อพยพหนีให้ทันก่อนที่ปฐพีจะถล่ม และหลีกเลี่ยงอันตรายตึกถล่มทับ และไฟไหม้อาคาร และพยายามอยู่ในตึกที่ได้รับการออกแบบให้สามารถทนต่อการสั่นไหวของฐานตึกได้โดยไม่แตกหักถึงแม้ในอดีตปรากฏการณ์แผ่นดินไหวจะได้เคยทำลายอารยธรรม Minoan ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนแหลกลาญ เมื่อ 4,000 ปีก่อน และได้เคยถล่มนครบาป Sodom และ Gomarrah จนสาบสูญก็ตาม แต่เราก็มั่นใจว่าในอนาคตอารยธรรมใดๆ คงไม่ถึงกับสาบสูญ เพราะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวเป็นแน่ เพราะจำนวนประชากรของชาติต่างๆ มีมากคือ ไม่น้อยเหมือนในอดีต แต่นั่นก็หมายความว่า การมีผู้คนอาศัยในเมืองอย่างหนาแน่นมาก และการมีตึกระฟ้ามากจะมีผลทำให้คนตายมาก เวลาแผ่นดินไหวมาก
วิธีการปลูกกล้วยไม้
วิธีการปลูกเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยบังคับการเจริญเติบโตของกล้วยไม้ ถ้าใช้วิธีการปลูกที่ไม่เหมาะสม กล้วยไม้ก็ไม่เจริญงอกงามเท่าที่ควร ดังนั้นผู้ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้จึงจำเป็นต้องศึกษาความต้องการของกล้วยไม้แต่ละชนิด เลือกภาชนะปลูกและเครื่องปลูก รวมทั้งวิธีการปลูกให้เหมาะสมกับกล้วยไม้ชนิดนั้นๆ ภาชนะปลูก ภาชนะที่ใช้ในการปลูกกล้วยไม้มีส่วนสำคัญต่อการเจริญงอกงามของกล้วยไม้ ดังนั้นจึงควรจัดภาชนะปลูกให้เหมาะกับการเจริญของรากกล้วยไม้แต่ละประเภท ภาชนะสำหรับปลูกกล้วยไม้มีหลายชนิด ดังนี้ กระถางดินเผาทรงเตี้ย เป็นกระถางดินเผาขนาดปากกว้าง 4-6 นิ้ว สูง 2-4 นิ้ว เจาะรูที่ก้นและรอบกระถาง เหมาะกับกล้วยไม้รากอากาศ เช่น กล้วยไม้สกุลแวนด้า สกุลเข็ม สกุลกุหลาบ สกุลช้าง การปลูกไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องปลูกใดๆ หรืออาจใส่ถ่านไม้ มะพร้าวสับ วางให้โปร่งก็พอ วางต้นกล้วยไม้กลางกระถางแล้วใช้เชือกหรือลวดเส้นเล็กๆ ผูกติดกับก้นกระถาง กระถางดินเผาทรงสูง เป็นกระถางดินเผาขนาดปากกว้าง 3-4 นิ้ว สูง 4-5 นิ้ว เจาะรูที่ก้นและรอบกระถางแต่รูน้อยกว่ากระถางทรงเตี้ย เหมาะกับกล้วยไม้ที่ต้องการเครื่องปลูกหรือกล้วยไม้รากกึ่งอากาศ เช่น คัทลียา หวาย โดยปลูกด้วยกาบมะพร้าวอัดเรียงตามแนวตั้งจนแน่น ยึดรากและโคนกล้วยไม้ตรงกลางกระถางให้แน่น กระเช้าไม้สัก ทำจากไม้สักหรือไม้ชนิดอื่น นิยมทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส มีขนาดตั้งแต่ขนาด 4x4 นิ้ว ถึง 10x10 นิ้ว เหมาะกับกล้วยไม้รากอากาศ มีต้นใหญ่ รากใหญ่ เช่น กล้วยไม้สกุลแวนด้า สกุลเข็ม สกุลกุหลาบ สกุลช้าง การปลูกด้วยกระเช้าไม้สักภายในไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องปลูกใดๆ หรืออาจใส่ถ่านไม้ก้อนใหญ่ๆ 2-3 ก้อนวางให้โปร่งก็พอ วางต้นกล้วยไม้กลางกระถางแล้วใช้เชือกหรือลวดเส้นเล็กๆ ผูกติดกับก้นกระเช้า กระเช้าพลาสติก เป็นกระเช้าที่ทำจากพลาสติกสีดำ ราคาถูก มีหลายแบบ หลายขนาด แต่ที่นิยมใช้มี 2 ขนาด คือ ขนาดทรงเตี้ยใช้ปลูกกล้วยไม้แวนด้า และ ขนาดทรงสูงใช้ปลูกกล้วยไม้หวาย ลักษณะการปลูกเช่นเดียวกับกระถางดินเผาทรงเตี้ยและกระถางดินเผาทรงสูง กระถางดินเผามีรูก้นกระถาง เป็นกระถางดินเผาชนิดเดียวกับที่ใช้ปลูกต้นไม้ทั่วไป มีรูระบายน้ำอยู่ที่ก้นกระถางเพียงรูเดียว ทั้งแบบทรงสูงทั่วไปและแบบทรงเตี้ย มีขนาดตั้งแต่ 4-10 นิ้ว นิยมใช้ปลูกกล้วยไม้ที่มีระบบรากแบบรากกึ่งดิน เช่น กล้วยไม้สกุลรองเท้านารี สกุลเอื้องพร้าว สกุลคูลู และสกุลสเปโธกล๊อตติส ท่อนไม้ที่มีเปลือก โดยผูกกล้วยไม้ติดกับท่อนไม้ที่มีเปลือกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3-4 นิ้ว ยาวประมาณ 1 ฟุต ปลายหนึ่งของท่อนไม้ยึดติดกับลวดใว้สำหรับแขวนกับราว เหมาะกับกล้วยไม้รากอากาศ เช่น กล้วยไม้สกุลเข็ม สกุลกุหลาบ สกุลช้าง สกุลแวนด้า ต้นไม้ใหญ่ โดยการปลูกยึดติดกับต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เหมาะกับกล้วยไม้รากอากาศและรากกึ่งอากาศ เช่น กล้วยไม้สกุลเข็ม สกุลกุหลาบ สกุลช้าง สกุลหวาย สำหรับกล้วยไม้ที่เป็นรากอากาศสามารถใช้ลวดหรือเชือกผูกติดกับต้นไม้ได้เลย แต่สำหรับกล้วยไม้ที่เป็นรากกิ่งอากาศให้หุ้มด้วยกาบกะพร้าวทับอีกชั้นหนึ่ง ยึดกาบมะพร้าวด้วยตาข่ายหรือซาแลนอีกชั้นหนึ่งเครื่องปลูก วัสดุที่ใส่ลงไปในภาชนะที่ใช้ปลูกกล้วยไม้ เป็นที่เก็บอาหาร เก็บความชื้น หรือปุ๋ยของกล้วยไม้ และเพื่อให้รากของกล้วยไม้เกาะ ลำต้นจะได้ตั้งอยู่ได้ เครื่องปลูกที่เหมาะสมกับลักษณะการเจริญเติบโตของรากกล้วยไม้จะทำให้กล้วยไม้เจริญเติบโตได้ดีและแข็งแรง เครื่องปลูกที่นิยมใช้มีดังนี้ ออสมันด้า เป็นเครื่องปลูกที่ได้มาจากรากของเฟิร์น ลักษณะเป็นเส้นยาว สีน้ำตาลจนเกือบดำ ค่อนข้างแข็ง ก่อนที่จะใช้ต้องล้างให้สะอาด แล้วจึงอัดตามยาวลงไปในกระถาง ก่อนที่จะอัดลงในกระถางควรรองก้นกระถางด้วยกระเบื้องแตกหรือถ่านประมาณครึ่งหนึ่งของกระถาง เพื่อให้ระบายน้ำได้สะดวกไม่ควรอัดออสมันด้าให้เต็มกระถาง ก่อนใช้ควรแช่น้ำหรือต้มเพื่อฆ่าเชื้อราเสียก่อน ออสมันด้าเป็นเครื่องปลูกที่ดี แต่ราคาค่อนข้างสูง สามารถเลี้ยงกล้วยไม้ได้เจริญงอกงามสม่ำเสมอ มีอายุการใช้งาน 2-3 ปี แต่มีข้อเสีย คือ มีตะไคร่น้ำขึ้นหน้าเครื่องปลูก และเกิดเชื้อราง่าย ออสมันด้าใช้ปลูกกล้วยไม้แบบรากกึ่งอากาศ เช่น กล้วยไม้สกุลหวาย สกุลคัทลียา กาบมะพร้าว เป็นเครื่องปลูกที่นิยมใช้ปลูกกล้วยไม้มาก เพราะหาง่าย ราคาถูก เหมาะที่จะใช้อัดลงในกระถางดินเผาสำหรับใช้ปลูกกล้วยไม้รากกึ่งอากาศเช่น กล้วยไม้สกุลหวาย สกุลคัทลียา วิธีทำคือใช้กาบมะพร้าวแห้งที่แก่จัดและมีเปลือก อัดตามยาวให้แน่นลงในกระถาง ตัดหน้าให้เรียบ แล้วใช้แปรงลวดปัดหน้าให้เป็นขน เพื่อให้ดูดซับน้ำดีขึ้น เครื่องปลูกกาบมะพร้าวเป็นเครื่องปลูกที่ได้ความชื้นสูง เหมาะสำหรับกล้วยไม้ปลูกใหม่ เพราะจะทำให้ตั้งตัวเร็ว จึงทำให้กล้วยไม้เจริญงอกงามเร็วกว่าปลูกด้วยเครื่องปลูกชนิดอื่นๆ แต่มีข้อเสียคือมีอายุการใช้งานได้ไม่นาน คือมีอายุใช้งานได้เพียงปีเดียวเครื่องปลูกก็ผุ ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งคือเกิดตะไคร่น้ำได้ง่าย เนื่องจากกาบมะพร้าวอมความชื้นไว้ได้มาก จึงควรรดน้ำให้น้อยกว่าเครื่องปลูกชนิดอื่น ถ่าน เป็นเครื่องปลูกกล้วยไม้ที่ดีชนิดหนึ่ง เพราะหาง่าย ราคาไม่แพง คงทนถาวร ไม่เน่าเปื่อยผุพังง่ายและดูดอมน้ำได้ดีพอเหมาะไม่ชื้นแฉะเกินไป ยังช่วยดูดกลิ่นที่เน่าเสียและทำให้อากาศบริสุทธ์อีกด้วย แต่มีข้อเสียคือมักจะมีเชื้อราอยู่ ในการใช้ถ่านเป็นเครื่องปลูกกล้วยไม้ ถ้าเป็นกล้วยไม้ที่มีระบบรากแบบรากกึ่งอากาศ เช่น กล้วยไม้สกุลหวาย สกุลแคทลียา ควรใช้ถ่านป่นซึ่งเป็นก้อนเล็กๆ ผสมกับอิฐ หรือใช้อิฐหักรองก้นกระถางประมาณครึ่งกระถาง แล้วใช้ถ่านป่นใส่ทับข้างบนจนเต็มหรือเกือบเต็มกระถาง จากนั้นจึงเอากล้วยไม้ปลูกโดยวางทับไว้บนถ่านอีกชั้นหนึ่ง สำหรับถ่านที่ใช้ปลูกกล้วยไม้ที่มีระบบรากแบบรากอากาศ เช่น กล้วยไม้สกุลแวนด้า สกุลเข็ม สกุลกุหลาบ ถ้าเป็นกล้วยไม้ขนาดเล็กหรือยังเป็นลูกกล้วยไม้อยู่ เช่น มีขนาดสูงไม่เกิน 3 นิ้ว ควรใส่ถ่านก้อนเล็กๆ หรือใส่ถ่านป่นไว้บ้างพอสมควร แต่ถ้าเป็นกล้วยไม้ที่มีขนาดโดแล้วควรใส่ก้อนใหญ่ๆ ไว้ประมาณ 5-10 ก้อน เพื่อช่วยอุ้มความชุ่มชื้นไว้ให้กล้วยไม้ การที่ใส่ถ่านก้อนโตๆ จำนวนเล็กน้อยในการปลูกกล้วยไม้ที่มีระบบรากแบบรากอากาศก็เพื่อต้องการให้บริเวณภายในกระถางมีช่องว่างมากๆ และโปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก ซึ่งเหมาะแก่ความต้องการหรือความเจริญเติบโตของกล้วยไม้ที่มีระบบรากอากาศ ทรายหยาบและหินเกล็ด การปลูกกล้วยไม้ที่มีระบบรากกึ่งอากาศโดยเฉพาะพวกสกุลหวาย มักใช้ทรายหยาบและหินเกล็ดที่ล้างสะอาดแล้วเป็นเครื่องปลูก โดยก้นกระถางใส่อิฐหักหรือหรือถ่านป่นไว้ ส่วนด้านบนใช้ทรายหยาบโรยหนาประมาณ 1 นิ้ว แล้วโรยทับด้วยหินเกล็ดหนาประมาณครึ่งนิ้ว จากนั้นจึงนำหน่อกล้วยไม้ที่แยกจากกอเดิมไปปลูกวางไว้บนหินเกล็ด แล้วมัดติดกับหลักเพื่อยึดไม่ให้ล้มจนกว่ากล้วยไม้ที่ปลูกใหม่นี้มีรากยึดเครื่องปลูกและตั้งตัวได้ อิฐหักและกระถางดินเผาแตก อิฐหัก อิฐดินเผา และกระถางดินเผาแตก ใช้เป็นเครื่องปลูกรองก้นกระถางสำหรับปลูกกล้วยไม้ที่มีระบบรากกึ่งอากาศ โดยมีออสมันด้า กาบมะพร้าว ถ่านป่น อย่างใดอย่างหนึ่งอัดหรือโรยไว้ข้างบน เพื่อให้ด้านล่างของกระถางหรือภาชนะปลูกโปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวกและเป็นการช่วยในการระบายน้ำในกระถางได้ดีขึ้นวิธีการปลูก การล้างลูกกล้วยไม้ คือการล้างลูกกล้วยไม้จากการเพาะเนื้อเยื่อออกจากขวดเพาะแล้วล้างให้หมดเศษวุ้นอาหาร นำจุ่มลงในน้ำยานาตริฟินในอัตราส่วนน้ำยา 1 ส่วนต่อน้ำสะอาด 2,000 ส่วน แล้วนำไปผึ่งให้แห้งในที่ร่ม แยกลูกกล้วยไม้ออกเป็น 2 ขนาด คือ ขนาดเล็กกับขนาดใหญ่พอจะปลูกลงในกระถางนิ้ว การปลูกลูกกล้วยไม้ขนาดเล็ก ลูกกล้วยไม้ขนาดเล็กให้ปลูกในกระถางหมู่หรือกระถางดินเผาทรงสูงขนาด 4-6 นิ้ว รองก้นกระถางด้วยถ่านขนาดประมาณ 1 นิ้ว สูงจนเกือบถึงขอบล่างของกระถาง แล้วโรยทับด้วยออสมันด้าหนาประมาณ 1 นิ้ว ให้ระดับออสมันด้าต่ำกว่าขอบกระถางประมาณครึ่งนิ้ว ใช้มือข้างหนึ่งจับไม้กลมๆ เจาะผิวหน้าออสมันด้าในกระถางให้เป็นรูลึกและกว้างพอสมควร ใช้มืออีกข้างหนึ่งจับปากคีบ คีบลูกกล้วยเบาๆ เอารากหย่อนลงไปในรูที่เจาะไว้ ให้ยอดตั้งตรง แล้วกลบออสมันด้าลงไปในรูให้ทับรากจนเรียบร้อย ควรจัดระยะห่างระหว่างต้นให้พอดี กระถางหมู่ขนาดปากกว้าง 4 นิ้ว ปลูกลูกกล้วยไม้ได้ประมาณ 40-50 ต้น การปลูกลูกกล้วยไม้ขนาดใหญ่ ลูกกล้วยไม้ที่ต้นใหญ่ให้ปลูกในกระถางขนาด 1 นิ้ว ใช้ไม้แข็งๆ ค่อยๆ แคะออสมันด้าในกระถางตามแนวตั้งออกมาใช้นิ้วมือรัดเส้นออสมันด้าให้คงเป็นรูปตามเดิม ค่อยๆ แบะออสมันด้าให้แผ่บนฝ่ามือ หยิบลูกกล้วยไม้มาวางทับ ให้โคนต้นอยู่ในระดับผิวหน้าตัดของออสมันด้าพอดี หรือต่ำกว่าเล็กน้อย แล้วรวบออสมันด้าเข้าด้วยกัน นำกลับไปใส่กระถางตามเดิม เสร็จแล้วนำเข้าไปเก็บไว้ในเรือนเลี้ยงลูกกล้วยไม้ สำหรับลูกกล้วยไม้ขนาดเล็กที่อยู่ในกระถางหมู่มาเป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือนขึ้นไป มีลำต้นใหญ่แข็งแรงพอสมควรแล้วควรย้ายไปปลูกลงในกระถางนิ้ว โดยนำกระถางหมู่ไปแช่น้ำประมาณ 10 นาที ค่อยๆ แกะรากที่จับกระถางและเครื่องปลูกออก แยกเป็นต้นๆ นำไปปลูกลงในกระถางนิ้วเช่นเดียวกัน การปลูกลงในกระเช้า เมื่อลูกกล้วยไม้ในกระถางนิ้วมีรากเจริญแข็งแรงดี มีใบยาวประมาณข้างละ 2 นิ้ว ซึ่งจะใช้เวลาในการปลูกประมาณ 6-7 เดือน ก็นำไปลงปลูกในกระเช้าไม้ขนาด 3-5 นิ้ว ด้วยการนำกระถางนิ้วไปแช่น้ำประมาณ 5-10 นาที เพื่อให้แกะออกจากกระถางได้ง่าย ใช้นิ้วดันที่รูก้นกระถาง ทั้งต้นและออสมันด้าจะหลุดออกมา มือข้างหนึ่งจับออสมันด้าและลูกกล้วยไม้วางลงตรงกลางกระเช้าที่เตรียมไว้ มืออีกข้างหนึ่งหยิบก้อนถ่านไม้ขนาดพอเหมาะใส่ลงไปในช่องระหว่างออสมันด้ากับผนังของกระเช้าให้พยุงลำต้นได้ นำไปแขวนไว้ในเรือนกล้วยไม้การย้ายภาชนะปลูก เมื่อลูกกล้วยไม้มีใบยาว 4-5 นิ้ว ควรจะย้ายไปปลูกในกระเช้าไม้ขนาด 8-10 นิ้ว โดยสวมกระเช้าเดิมลงไปในกระเช้าใหม่เพื่อมิให้รากกระทบกระเทือน ใช้ก้อนถ่านไม้ก้อนใหญ่ๆ วางเกยกันโปร่งๆ หรือจะไม่ใช้เลยก็ได้ เนื่องจากกล้วยไม้ไม่ต้องการเครื่องปลูกที่แน่นและชื้นแฉะเป็นเวลานานๆ ถ้าไม่ต้องการสวมกระเช้าเดิมลงไปก็นำกระเช้าเดิมไปแช่น้ำก่อน เพื่อให้แกะรากที่จับติดกระเช้าออกได้ง่าย นำต้นที่แกะออกแล้ววางตรงกลางกระเช้า ให้ยอดตั้งตรง มัดรากบางรากให้ติดกับซี่พื้นด้านข้างของกระเช้าการตกแต่งกล้วยไม้ต้นใหญ่ก่อนปลูก สำหรับกล้วยไม้ลำต้นใหญ่ที่ได้มาจากที่อื่นหรือจากการแยกหน่อ จะต้องตัดรากและใบที่เน่าหรือเป็นแผลใหญ่ๆ ทิ้งเสียก่อน รากบางส่วนที่ยังดีแต่ยาวเกินไป อาจตัดให้สั้นจนเกือบถึงโคนต้น แล้วทาแผลที่ตัดทุกแผลด้วยปูนแดงหรือยาป้องกันโรค เช่น ออร์โธไซด์ 50 ผสมน้ำให้เละมากๆ นำต้นกล้วยไม้ลงปลูกในกระเช้าไม้ซึ่งมีขนาดเหมาะสมกับลำต้นนอกจากนั้นยังอาจนำกล้วยไม้ต้นใหญ่ไปผูกติดกับท่อนไม้หรือกระเช้าสีดา ให้บริเวณโคนต้นติดอยู่กับภาชนะปลูก ส่วนยอดอาจตั้งตรงทาบขึ้นไปหรือลำต้นโน้มไปข้างหน้าและส่วนยอดเงยขึ้น มัดลำต้นตรงบริเวณเหนือโคนต้นขึ้นไปเล็กน้อยให้ติดกับภาชนะปลูกด้วยเชือกฟางหรือลวด 1-2 จุดและมัดรากใหญ่ๆ ให้ติดกับภาชนะปลูกอีก 1-2 จุด เพื่อให้ติดแน่น อาจใช้กาบมะพร้าวกาบอ่อนชุบน้ำให้ชุ่ม มัดหุ้มบางๆ รอบโคนต้นกล้วยไม้เหนือบริเวณที่เกิดรากเล็กน้อยกับท่อนไม้ก็ได้ และนำท่อนไม้หรือกระเช้าสีดาไปแขวนบนราวเมื่อเกิดรากใหม่เกาะติดภาชนะปลูกดีแล้ว จึงตัดเชือกฟางหรือลวดออก
10 วิธีรักษาสิ่งแวดล้อม
1. ใช้ผ้าแทนกระดาษทิชชูเราใช้กระดาษทิชชู เช็ดมือ เช็ดหน้า ปีละหลาย ล้านฟุต ซึ่งหมายถึง การโค่นต้นไม้ลงจำนวน มหาศาลช่วยกันลดการใช้กระดาษทิชชู ด้วยการ วางผ้าเช็ดมือไว้ใกล้อ่างล้างมือ และใช้ผ้าเช็ดโต๊ะแทนการใช้ กระดาษทิชชูเช็ด2. ใช้ถุงพลาสติก ซ้ำหลายๆ ครั้งประหยัดถุงพลาสติกได้ โดยการใช้ซ้ำหลายๆ ครั้ง หากถุงพลาสติกสกปรก ก็ให้ทำความสะอาด แล้วแขวนไว้ให้แห้ง เพื่อส่งกลับเข้าโรงงาน สำหรับผลิตใหม่3. แยกทิ้งเศษกระดาษ จากขยะอื่นโปรดหลีกเลี่ยงการทิ้ง เศษกระดาษ ลงในถังเดียว กับขยะอื่นๆ เพราะจะทำให้ กระดาษเปรอะเปื้อน ไขมัน และเศษอาหารจะทำให้ เศษกระดาษนั้นนำไปผลิตใหม่อีกไม่ได้4. กระดาษที่นำไป รีไซเคิลไม่ได้กระดาษที่ไม่สามารถ นำไป เข้ากระบวนการผลิต ใหม่เป็น กระดาษใช้ได้อีก ได้แก่ กระดาษที่ เคลือบด้วยขี้ผึ้ง กระดาษที่เข้าเล่มด้วยกรรมวิธี โทรศัพท์ นิตยสารต่างๆ ตลอดจนกระดาษที่ถูก เปรอะเปื้อนด้วยกาวชนิดที่ไม่ละลายน้ำ5. หนังสือพิมพ์ สามารถแก้ไขปัญหา ขยะกระดาษแหล่งสร้างขยะ กระดาษที่สำคัญก็คือ หนังสือ พิมพ์ หน้าที่เป็นขยะ กระดาษโดยผู้อ่านไม่ได้อ่าน ก็คือ หน้าโฆษณาธุรกิจ ซึ่งมีอยู่ฉบับละหลายๆ หน้า ซึ่งแม้ว่าเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับหนังสือพิมพ์ แต่ควรคำนึงว่านั่นคือ การทำลายกระดาษสะอาด และสร้างขยะกระดาษให้เกิดขึ้นจำนวน มหาศาลในแต่ละวัน6. เศษหญ้ามีประโยชน์เศษหญ้าที่ถูกทิ้งอยู่ บนสนามนั้น สามารถให้ ประโยชน์ต่อสนามหญ้า ได้มาก เพราะในเศษ หญ้านั้นมีธาตุอาหาร ที่มีคุณค่าเทียบเท่ากับปุ๋ย ที่ใช้ใส่หญ้าทีเดียว7. วิธีตัดกิ่งไม้วิธีการตัดกิ่งก้าน ของต้นไม้ ไม้พุ่มใบไม้ ควรตัด ให้เป็น เศษเล็กน้อย เพื่อช่วยลด เศษขยะให้กับ สวนได้ และยังช่วยให้เกิดการเน่าเปื่อยขึ้นกับเศษ ใบไม้นั้นเร็วขึ้นด้วย8. ใช้เศษหญ้าคลุมไม้ใหญ่เศษหญ้าที่ตัดจาก สนามและสวนนั้น สามารถนำ ไปคลุมต้นไม้ใหญ่ได้ การใช้เศษหญ้าปกคลุมพืช ในสวนจะช่วยในการกำจัดวัชพืชได้ เพราะเศษ หญ้าได้ นอกจากนี้ เมล็ดของวัชพืชที่ร่วงหล่นก็ ไม่อาจหยั่งรากทะลุผ่านเศษใบไม้ได้ด้วย9. ประโยชน์ของพลาสติก ช่วยถนอมอาหารพลาสติกทุกชนิดหากถูก ไฟไหม้จะก่อให้เกิดมล พิษทางอากาศที่เป็น อันตราย ได้มีการรณรงค์ให้ เลิกใช้ พลาสติก แต่จริงๆ แล้ว พลาสติกยังคงมี ความจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะ พลาสติก มีประโยชน์ในการถนอมอาหารให้สด อยู่ได้ เป็นเวลานานๆ10. พลาสติกรีไซเคิล ปัจจุบันมีบริษัทกว่า 200 แห่งในอุตสาหกรรมการผลิต พลาสติกได้ทำการ รีไซเคิล พลาสติก จำนวน 20% จากขวดเครื่องดื่ม พลาสติกที่ทำจาก Poly - Ethylene Terephthalate หรือ PET จะถูกนำไปรีไซเคิลเป็น ด้ามเครื่องจับไฟฟ้า กระเบื้องปูพื้น เส้นใย สังเคราะห์ในหมอน ถุงนอน หรือใช้บุเสื้อแจ็คเก็ต
ภาษาไทยน่ารู้
คอลัมน์ภาษาไทยน่ารู้ครั้งนี้ย้อนอดีตกลับไปเมื่อครั้งที่เรายังเป็นเด็ก เชื่อว่าหลายคนคงจะ เคยวิ่งไล่จับแมลงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แมลงปอ แมลงทับ ผีเสื้อ จิ้งหรีด ฯลฯ ด้วยความสนุกสนาน แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าที่เรียกว่า "แมลง" นำหน้าสัตว์เหล่านี้นั้นถูกต้องแล้ว อย่างเช่น แมลงปอหรือแมงปอ แมลงวันหรือแมงวัน แมลงสาบหรือแมงสาบ เป็นต้น จึงขอนำคำตอบที่เป็นหลักของการเรียกคำนำหน้าสัตว์เหล่านี้ที่หลาย ๆ คน ยังใช้สับสนกันอยู่มาบอกกล่าว เพื่อได้ทราบว่าที่ถูกต้องควรเรียกอย่างไรตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 คำว่า “แมลง” นั้น เป็นชื่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เมื่อร่างกายเจริญเติบโตเต็มที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วน เห็นได้ชัดเจน ได้แก่ ส่วนหัว ส่วนอกและส่วนท้อง มีขา 6 ขา เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังพวกเดียวที่มีปีก ซึ่งอาจจะมี 1 หรือ 2 คู่ แต่ก็อาจจะพบพวกที่ไม่มีปีกก็ได้ เป็นสัตว์ที่มีมากที่สุดในโลก เช่น แมลงทับ แมลงวัน แมลงวันทอง แมลงปอ แมลงดำเป็นต้นแต่มีแมลงบางจำพวกที่ไม่ใช้คำว่า “แมลง” นำหน้าชื่อ เช่น จิ้งหรีด ผีเสื้อ ชีปะขาว ผึ้ง เป็นต้นส่วนคำว่า "แมง" นั้น เป็นชื่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเช่นเดียวกับ "แมลง" แต่เมื่อเจริญ เติบโตเต็มที่จะมีร่างกายแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนหัวกับอกรวมเป็นส่วนเดียวกันส่วนหนึ่ง และส่วนท้อง อีกส่วนหนึ่ง มีขา 8 ขา ไม่มีหนวด ไม่มีปีก เช่น แมงมุม แมงดาทะเล แมงป่อง แมงกะแท้ แมงกะชอน เป็นต้น ซึ่งก็มักจะเรียกสับสนกับคำว่า "แมลง"เป็นอย่างไรบ้างครับ ทีนี้เราคงจะแยกแยะได้ถูกแล้วว่าจะเรียกว่า “แมลง” หรือว่า “แมง” หวังว่าคงเป็นประโยชน์สำหรับทุก ๆ ท่าน พบกันใหม่ฉบับหน้ากับคอลัมน์ภาษาไทยน่ารู้
โบราณคดี
โบราณคดี (อังกฤษ: Archaeology) คือ วิชาที่ว่าด้วย การศึกษาเรื่องราวในอดีตของมนุษย์ โดยผ่านทางการศึกษาหลักฐานทางโบราณคดี ที่ได้มาจากการขุดค้น (โบราณวัตถุ) การขุดแต่ง (โบราณสถาน) และการศึกษาเอกสารทางประวัติศาสตร์ประเภทต่างๆ (ศิลาจารึก จดหมายเหตุ พงศาวดาร) โดยทั่วไป จะต้องใช้ศาสตร์ด้านอื่นๆ ประกอบด้วยเพื่อให้เรื่องราวในอดีตของมนุษย์ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ศาสตร์เหล่านั้น เช่น ประวัติศาสตร์ศิลปะ ธรณีวิทยา สัตววิทยา พฤกษศาสตร์ เรณูวิทยา การกำหนดอายุทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้นแนวทางการศึกษาวิชาโบราณคดี โดยทั่วไปจำแนกได้ 6 ลำดับคือศึกษาข้อมูลเบื้องต้นจากเอกสารต่างๆการออกสำรวจภาคสนามการขุดสำรวจเพื่อประเมินความสำคัญของแหล่งการขุดค้นทางโบราณคดีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการขุดค้นการสังเคราะห์ข้อมูล และ ตีความเรื่องราวของแหล่งโบราณคดีนั้นๆโบราณคดี มาจากคำสันสกฤต 2 คำ คือ "ปุราณะ" (เก่า) สมาสกับ "คตี" (เรื่องราว) แปลตามรูปศัพท์ว่า "เรื่องราวเก่าแก่" ซึ่งมีนัยหมายถึง การศึกษาเกี่ยวกับเรื่องราวสมัยโบราณนั่นเอง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)